เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเป็นตัวกำหนดความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดำเนินชีวิต, ความรวดเร็วในการบริการ, ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวและอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งในบทความนี้ ทีมงานขอพาผู้อ่านไปพบกับ 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 – 2025 ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจดังต่อไปนี้
5 เทรนด์เทคโนโลยีที่ธุรกิจต้องจับตามองในปี 2023 – 2025
- การใช้งาน Cloud ที่ละเอียด ซับซ้อน และหลากหลายยิ่งขึ้น
- Cybersecurity ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ
- AI และ Automation สำหรับธุรกิจ ลูกค้า และสมาชิกในองค์กร
- โอกาสใหม่ๆ จากเทคโนโลยี Wireless ที่พัฒนาขึ้น
- เติบโตอย่างยั่งยืนกับ Sustainable Technology
Cloud คือเครื่องมือการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ – ธุรกิจจะใช้คลาวด์เยอะขึ้น ปรับรูปแบบให้เหมาะกับการดำเนินงานมากขึ้น
เทคโนโลยีคลาวด์ได้กลายมาเปหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่การใช้งานคลาวด์มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบของการใช้งานก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอด ในปี 2023 นี้ คลาวด์จะไม่ได้ถูกนำมาใช้เพียงแค่การเก็บข้อมูลของธุรกิจ แต่จะเข้ามามีบทบาทในการดำเนินกลยุทธในด้านต่างๆ ของธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ
ปัจจุบันเราคงคุ้นเคยกับการใช้งานคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และบริการบนคลาวด์ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงการเติบโตของ Multi-Cloud ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่โครงสร้างแบบ On-premise นั้นก็ยังคงถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย การสำรวจโดย Cisco เผยว่าปัจจุบันองค์กรกว่า 50% ยังมีการใช้งานระบบ On-premise และจะยังคงสัดส่วนการใช้งาน On-premise อีก 28% ในอีก 2 ปีข้างหน้าข้อมูลการสำรวจนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติ การตัดสินใจในการใช้งานคลาวด์ของธุรกิจ และการกำหนดงบประมาณในการลงทุนด้านคลาวดนั้น จะขึ้นอยู่กับฝ่ายงานในองค์กร (Lines of Business) มากกว่าฝ่ายไอที เพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมายเชิงกลยุทธขององค์กร มากกว่าการวางคลาวด์เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารของธุรกิจ และในปี 2023 เราจะได้เห็นบริการคลาวด์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับงานหรืออุตสาหกรรมมากขึ้นซึ่งตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวของธุรกิจ คลาวด์เพื่ออุตสาหกรรม (Industry Cloud) จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพราะถูกออกแบบมาจากความรู้เฉพาะอุตสาหกรรม และสามารถแก้ไขปัญหารวมไปถึงพัฒนาการดำเนินการได้อย่างตรงจุด โดยบริการคลาวด์อุตสาหกรรมนี้มีความหมายรวมถึงทั้งแพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ และสถาปัตยกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมนั้นๆ โดย Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 องค์กรมากกว่า 50% จะเลือกใช้ Industry Cloud ในการทำโครงการใหม่ๆ
Cybersecurity in everything – ระบบรักษาความปลอดภัยที่เก่งขึ้นในทุกภาคส่วนขององค์กร
การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้รัดกุมนั้นเป็นกลยุทธ์หลักของธุรกิจมานานหลายปีแล้ว และในปี 2023 ก็ยังถูกจัดเป็นลำดับต้นๆ เพราะปัจจุบันความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเป็นทั้งเป้าหมาย ปัจจัยในการตัดสินใจ และตัวชี้นำแนวทางในการดำเนินการให้กับธุรกิจทั่วโลก เพราะหากธุรกิจไหนเกิดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ จะมีผลกระทบโดยตรงต่อรายรับของธุรกิจ ที่สำคัญยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจในระยะยาวด้วย
การสำรวจโดย Enterprise Strategy Group พบว่า การรักษาความปลอดภัยให้กับระบบนั้นเป็น 1 ใน 3 ประเด็นหลักที่ธุรกิจทั้งหลายให้ความสำคัญมากที่สุด และสนใจลงทุนในปี 2023 ซึ่งประเด็นด้านความปลอดภัยนี้นับเป็นความท้าทายที่ธุรกิจต้องพิจารณาและเลือกใช้ เนื่องจากเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการอัปเดตและพัฒนาให้รองรับความหลากหลายและซับซ้อนของโครงสร้างระบบ IT องค์กร รวมถึงรูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเข้าสู่ยุค Hybrid Work จุดที่เสี่ยงต่อการโจมตีจึงมีมากขึ้น ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ Cybersecurity จะครองลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจทั่วโลกปัจจุบันองค์กรต่างๆ เริ่มมองหาแพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ บริการ และอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Zero Trust ซึ่งเน้นการออกแบบที่ไม่ไว้ใจองค์ประกอบใดเลยในระบบและ Security Access Service Edge (SASE) ที่ย้ายการรักษาความปลอดภัยไปยัง Network Edge เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับระบบ การเชื่อมต่อขององค์ประกอบต่างๆ รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ในเครือข่าย IoT และการสื่อสารในการทำงานแบบ Remote ส่งผลให้เทคโนโลยีและแนวคิดด้านการรักษาความปลอดภัยถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรที่มีความสามารถในการตรวจสอบสิ่งผิดปกติ วิเคราะห์ความเสี่ยง ลดการโจมตี และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้โดยอัตโนมัติ หรือเทรนด์ของการทำงานที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างทีม Cloud และ Network Operation เพื่อเพิ่มความรัดกุมในการรักษาความปลอดภัย และแนวคิด DevSecOps ที่พยายามควบรวม Security เข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2023 และในอนาคตนั้นจะต้องเร็วขึ้น แม่นยำยิ่งขึ้น และมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันภัยคุกคามที่พัฒนาตลอดเช่นกัน
AI และ Automation สำหรับกระบวนการทางธุรกิจ ลูกค้า และสมาชิกทุกคนในองค์กร
ในปี 2023 ธุรกิจทั่วโลก ได้นำเอาเทคโนโลยี AI และ Automation มาใช้งานในการดำเนินการอย่างแพร่หลาย และแนวโน้มก็คงยังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสามารถลดภาระงาน ลดเวลาในการดำเนินการ และลดข้อผิดพลาดในการทำงานไปพร้อมๆ กัน ซึ่งปัจจุบันทั้งสองเทคโนโลยีนี้ ไม่เพียงฉลาดและซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยสร้างคุณค่าให้แก่องค์กร และตอบสนองกระบวนการทำงาน ตอบโจทย์ลูกค้า และสนับสนุนสมาชิกภายในองค์กรด้วยเช่นกันเทคโนโลยี AI และ Automation เริ่มเข้ามาเปลี่ยนโลกธุรกิจไม่ใช่ด้วยความสามารถยิ่งใหญ่อย่าง AlphaGo ระบบ AI ที่สามารถเป็นแชมป์โลกในการแข่งขันโกะ แต่เป็นความสามารถในการช่วยเข้ามาปรับปรุงคุณภาพในการดำเนินการที่ทุกคนสามารถจับต้องและใช้ประโยชน์ได้ เครื่องมือจำนวนมากในปัจจุบันมีการใช้งาน AI และ Automation มากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เครื่องมือทั่วไปอย่างอีเมล ระบบกรอกข้อมูล ไปจนถึงเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบดูแลกระบวนการทำงานและกระบวนการ IT ไปจนถึงบริการที่ช่วยในการดูแลลูกค้าของธุรกิจหนึ่งในเทรนด์รองที่ควบคู่มากับเทรนด์ของ AI และ Automation ในทุกอย่าง คือเทรนด์ในการสร้างประสบการณ์การทำงานให้ดีขึ้นสำหรับสมาชิกในองค์กรในทุกฝ่ายงาน ในแง่นี้เราได้เห็น AI และ Automation ในเครื่องมือแบบ Self-service ต่างๆ ที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่งานของฝ่ายขาย ฝ่ายบุคคล ฝ่ายการเงิน รวมไปถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ทีม IT, DevOps, หรือ Security ที่ต่างก็มีเครื่องมือการทำงานที่ใช้ AI และ Automation ให้เลือกใช้งานกันมากมาย ไปจนถึงเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงที่ช่วยส่งเสริมการใช้ Data ให้แพร่หลายในองค์กรมากขึ้น
AI และ Automation ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะเข้ามาช่วยทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ด้วย Gartner Top 10 Strategic Technology Trends 2023 กล่าวถึง Adaptive AI ซึ่งเป็น AI ที่เรียนรู้ที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองได้แบบ Real-time หลังผ่านประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างของความฉลาดที่จะลึกซึ้งขึ้นของ AI และ Automation นอกจากการเร่งนำ AI และ Automation เข้ามาช่วยดำเนินการแล้ว แนวโน้มในข้อนี้ยังส่งสัญญาณให้ธุรกิจเริ่มคิดถึงรูปแบบการทำงานและภาระความรับผิดชอบที่เปลี่ยนไปของพนักงานในองค์กรในอนาคตเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงใน Workforce ในอนาคตอันใกล้นี้
ก้าวให้ทันและใช้ประโยชน์ให้เต็มที่จากเทคโนโลยี Wireless ที่ดีขึ้น
ในปีที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงความแพร่หลายของเทคโนโลยี Wireless เช่น 5G และ WiFi 6 และ 6E ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ให้บริการหลายเจ้าเริ่มออกผลิตภัณฑ์และบริการตามมารองรับ แนวโน้มการเติบโตเช่นนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในแง่ของการให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรง และการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร
Internet of Things ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2023 ซึ่งกรณีการใช้งานนั้นได้เริ่มก้าวออกจากอุตสาหกรรมการผลิตไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมขนส่ง และอุตสาหกรรมค้าปลีก มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เทคโนโลยี Wireless ที่ถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้วย WiFi และ 5G จะช่วยให้ธุรกิจสามารถนำมาต่อยอดสร้างสรรค์การทำงานหรือบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม เช่น การติดตามตำแหน่งของ Asset ทั้งหมดในระบบงานเพื่อนำมาวิเคราะห์เพิ่มประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อในพื้นที่ที่สัญญาณเคยทำไม่ได้มาก่อน หรือแม้แต่การใช้เครือข่ายไร้สายทำงานเสมือนเรดาร์ สิ่งเหล่านี้เองที่จะช่วยสร้างคุณค่าให้แก่ธุรกิจและยกระดับการให้บริการให้สูงขึ้น หนึ่งในความสามารถของเทคโนโลยีไร้สายที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง แต่ยังไม่มีการประยุกต์ใช้มากนักคือการสร้าง 5G Private Network สำหรับอุปกรณ์ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีเครือข่ายที่รวดเร็ว Latency ต่ำ การรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้กับการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น AR และ VR ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือการนำภาพถ่ายทางการแพทย์ไปวิเคราะห์แบบ Real-time ภายใน Edge เพื่อรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วย โดยในปี 2023 TechTarget คาดการณ์ว่าการใช้ Private Network นั้นจะเติบโตขึ้นอย่างมาก เทคโนโลยี Wireless ที่ดีขึ้นนี้สามารถมอบโอกาสให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเช่นกัน ความท้าทายจึงตกอยู่กับธุรกิจว่าการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้นั้น จะสามารถตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่
สร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย Sustainable Technology
อาจกล่าวได้ว่า Sustainability เป็นหนึ่งในคำที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน ทั้งผู้บริโภค ธุรกิจคู่ค้า และรัฐบาลจากทั่วโลกล้วนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าเทคโนโลยีก็สามารถเข้ามาช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ Gartner เรียกเทคโนโลยีเหล่านี้ว่า Sustainable Technologyและคุณสมบัติของ Sustainable Technology คือเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความโปร่งใสตรวจสอบได้ให้กับการทำงาน ระบบวิเคราะห์ที่จะช่วยค้นหาปัญหาและจุดที่ควรปรับปรุง รวมไปถึงซอฟต์แวร์จัดการด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารงานบุคคล และการคุ้มครองและปกครอง (Governance) ระบบ IT ทั้งหมด และธุรกิจต้องไม่ลืมว่า Sustainability นั้นมี 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคมและผู้ร่วมงาน และการบริหาร Governance การดำเนินการ Gartner คาดการณ์ว่าธุรกิจทั่วโลกจะลงทุนใน Sustainable Technology มากขึ้น และใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทั้งในการดำเนินงานภายในองค์กร ระหว่างองค์กร และการให้บริการต่อลูกค้าขององค์กร โดยประเด็นที่หลายองค์กรกำลังเร่งพัฒนาคือการจัดการด้านพลังงานและการลดการปล่อยของเสียและก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนับเป็นวาระของมนุษยชาติในการยับยั้งวิกฤตโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้ให้บริการ Data Center ซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานและปล่อยของเสียรายใหญ่ของโลก ต่างก็เร่งวางแผนเพื่อดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยนอกจากการพัฒนาโครงสร้างอาคารสถานที่แล้ว ยังมีการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วย Monitor การดำเนินการอย่างเคร่งครัด นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาจุดที่สามารถปรับปรุง และเปลี่ยนการดำเนินการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ทั้งเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้าน Climate Change และเพื่อดึงดูดธุรกิจและลูกค้าที่มีแนวโน้มให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่จำเป็นต่อธุรกิจในปีนี้และอนาคตอันใกล้ มีรูปแบบและการทำงานที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองเทรนด์ของธุรกิจที่เปลี่ยนไป ซึ่งการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องการโครงข่ายสื่อสารข้อมูลขององค์กรที่แข็งแกร่ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทย พร้อมให้บริการด้าน Network Solutions การเชื่อมโยงสื่อสารข้อมูลทั้งในและระหว่างประเทศอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ให้ทันทุกเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ที่มา : https://www.techtalkthai.com/5-business-tech-trends-2023-25-by-nt/